ภูแลนดา 
ภาพโดย Bongkarn Chutiwint จาก flickr.com/photos/2maurow
สวัสดีค่ะวันนี้ดิฉันจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวในภาคอีสาน นั้นก็คือภูแลนดา เป็นสถานที่ที่สวยงามมากไปชมกันเล้ยยย
ชื่อของภูแลนคาอาจเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวน้อยกว่า มอหินขาว ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่ แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวภูแลนคาจะน้อยกว่าน้ำตกตาดโตน แต่ก็มีนักท่องเที่ยวประเภทนิยมการชมทิวทัศน์และแค้มป์ปิ้งมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ในแนวเทือกเขาภูแลนคา ซึ่งมีหน้าผาสูงชันทางทิศเหนือและทิศตะวันตก พื้นที่จะลาดต่ำลงไปทางทิศใต้ บนเทือกภูแลนคานี้อุดมไปด้วยป่าเต็งรังและป่าดิบแล้ง ซึ่งจะมีต้นเต็งรังสลับกับทุ่งหญ้า และป่าเพ็กจำนวนมาก ทางอุทยานฯ มีการจัดทำเส้นทางเดินเท้าชมป่าเต็งรังและจุดชมทิวทัศน์หลายเส้นทาง โดยจะวนกลับเป็นวงกลมดังนั้นหากคุณมาเที่ยวที่ภูแลนคา แนะนำว่าควรจะเป็นฤดูหนาว เพราะเป็นช่วงที่มีความสวยงามที่สุด ซึ่งในระหว่างเส้นทางเดินป่าจะมีต้นเต็งรังออกดอกสะพรั่งสีสวยงามให้ชมด้วยเส้นทางเดินป่าจะเริ่มต้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานก็ได้ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเลือกขับรถขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่จุดชมวิวภูแลนคาก่อน ซึ่งสามารถจอดรถไว้ และมีเส้นทางเดินป่าจากจุดชมวิวนี้เลาะไปตามหน้าผา โดยจะผ่านสถานที่ต่างๆ เช่น ลานหินแตก ผากล้วยไม้ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 400 เมตร สำหรับคุณที่มีเวลาน้อยจะเลือกเส้นทางเดินกลับโดยผ่านไปชมป่าหินปราสาท ซึ่งมีก้อนหินก้อนใหญ่ให้คุณได้ปีนขึ้นไปชมทิวทัศน์ได้อย่างสวยงาม มองเห็นผืนป่าเต็งรังและทุ่งหญ้าลดหลั่นไปตามแนวลาดของภูเขา
จากป่าหินปราสาท คุณสามารถเดินลัดกลับออกมายังถนนลาดยางที่ขึ้นไปยังจุดชมวิวภูแลนคาได้ หากต้องการเที่ยวต่อ สามารถเลือกเส้นทางเดินออกไปยัง ประตูโขลง ซึ่งจะมีหินก้อนหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายกับซุ้มประตูที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินไปชมป่าหินงามจันทร์แดง และทุ่งดอกกระเจียวขาวป่าหินงามทุ่งโขลงช้าง ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ทุ่งดอกกระเจียวจะบานเต็งทุ่งซึ่งมีความสวยงามมาก การเดินป่าในเส้นทางนี้มีนักท่องเที่ยวมาชมน้อย สภาพเส้นทางอาจจะไม่ชัดเจนซึ่งอาจทำให้หลงทางได้ จึงควรติดต่อขอให้เจ้าหน้าที่นำทางจะเป็นการดี รวมถึงเส้นทางเดินเลียบไปตามหน้าผาเพื่อไปชมหินหงษ์ฟ้า และถ้ำค้างคาวด้วยนอกจากเส้นทางเดินป่าชมทิวทัศน์บนภูแลนคาแล้ว ที่อุทยานยังมีน้ำตกให้คุณได้เที่ยวชมด้วยเช่นกัน น้ำตกแต่ละแห่งเป็นน้ำตกขนาดเล็กที่มีความร่มรืนของผืนป่าน่าชมไม่น้อย เช่น น้ำตกตาดหินดาด น้ำตกตาดโตนน้อย น้ำตกช่องลำพัน และน้ำตกพานทอง คุณสามารถสอบถามรายละเอียดได้จากเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ
และสิ่งที่เป็นจุดเด่นที่สุดของอุทยานแห่งนี้คือมอหินขาว ซึ่งคุณสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ทุกถุดูกาล แต่หากเดินทางมาในช่วงฤดูหนาว จะเป็นช่วงที่มีอากาศที่หนาวเย็น เหมาะแก่การกางเต็นท์ท้าลมหนาว มอหินขาว เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม โดยหินกลุ่มที่ 1 จะมีหินทรายก้อนใหญ่สีขาวคล้ายกับเสาหิน 5 ต้น ตั้งอยู่บนเนินเขาเรียงกันเป็นแถวอย่างมหัศจรรย์ แต่ละต้นมีความสูงราว 12 เมตร และเป็นที่มาของคำว่า มอหินขาว นอกจากนั้นยังมีแท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเรือ เจดีย์ หอเอนเมืองปิซ่า และคล้ายกระดองเต่า ส่วนหินกลุ่มที่ 2 อยู่ห่างออกไป 500 เมตร เป็นแท่นหินรูปร่างแปลกแตกต่างกันออกไป ห่างออกไปอีกประมาณ 1,500 เมตร จะเป็นหินกลุ่มที่ 3 ที่เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็ก โดยลาดเอียงขึ้นไปจรดหน้าผาที่มีชื่อว่า ผาหัวนาค
แม้ว่าการมาชมวิวที่มอหินขาวจะสามารถเดินทางมาเที่ยวแบบไปกลับได้ แต่มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลือกกางเต็นท์พักแรมที่ลานหญ้าข้างเสาหินนี้เพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น